เปิดใจอดีตครูอัตราจ้าง ผมแค่อยากช่วยให้เด็กอ่านออกเขียนได้

จิตวิญญาณของความเป็นครู



"

ผมเห็นการเรียนของเด็กๆที่นี่แล้วอยากช่วยพวกเขา อย่างน้อยให้อ่านออกเขียนได้ก็ยังดี เด็กบางคนเรียนมาจนถึงชั้นป6 แต่ยังอ่านหนังสือไม่ได้ เขียนหนังสือไม่เป็น ตั้งแต่วันนั้นจึงตั้งใจและทุ่มเทกับการสอน เพื่อให้พวกเค้าได้รับการศึกษาที่ดีเหมือนกับเด็กในเมือง


"




**เรื่องเล่าจากรุ่นน้องที่เคยเป็นครูอัตราจ้างในโรงเรียนชนบทแห่งหนึ่ง ผมได้ฟังแล้วยังไม่ค่อยแน่ใจว่านี่คือเรื่องจริง เพราะเข้าใจว่าเด็กถ้ามีโอกาสได้เข้าเรียนหนังสือในโรงเรียน นั่นแสดงว่าโดยพื้นฐานเขาจะต้องอ่านออกเขียนได้เป็นเรื่องปกติ แต่จากที่ได้ฟังมาปัญหาเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้กับโรงเรียนที่อยู่ชนบทห่างไกล ที่ส่วนใหญ่มีครูไม่เพียงพอ ประกอบกับครอบครัวไม่ค่อยมีเวลาเอาใจใส่ เพราะต้องออกไปรับจ้างหาเงินหรือหาของป่าออกมาขายหาเลี้ยงชีพ น้องเขาเล่าต่อไปว่า

"

บางวันผมเองต้องสอนเด็กพร้อมกันสามห้อง วิธีการที่ผมทำคือ สอนเด็กห้องแรกประมาณยี่สิบนาทีแล้วให้การบ้าน จากนั้นสอนต่อห้องที่สองอีกยี่สิบนาทีแล้วให้การบ้าน จากนั้นต่อด้วยห้องที่สามตามลำดับ ถ้าไม่ทำแบบนี้ เด็กห้องอื่นที่ไม่มีครูสอนก็จะอยู่กันว่างๆทำให้เสียเวลาไปเปล่าประโยชน์ สำหรับคนที่เรียนต่ำกว่าเกณฑ์ ช่วงหลังเลิกเรียนผมจะไปขอกับผู้ปกครองเพื่อให้น้องมาเรียนพิเศษ ส่วนใหญ่ก็ได้รับความร่วมมืออยางดี ตอนนั้นบอกเลยว่าทุ่มเทกับการสอนมาก เพราะเป็นห่วงอนาคตของพวกเขา ที่ทำไปเป็นความรู้สึกส่วนตัวที่เป็นห่วงอนาคตของเด็กจริงๆ 


"

**หลังจากที่ลาออกจากครูอัตราจ้างน้องเขาบอกผมว่า ยังส่งเงินให้เด็กบางคนที่มีผลการเรียนดี แต่ไม่มีเงินเรียนต่ออยู่ระยะหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ส่งให้ด้วยเหตุผลบางอย่าง

**ผมฟังแล้วตื้นตันใจรู้สึกได้ทันทีครับว่า นี่สินะที่เค้าเรียกว่า "จิตวิญญาณของความเป็นครู" ที่ไม่ว่าลูกศิษย์จะเป็นใคร มาจากไหน จะยากดีมีจน จะดีหรือเลวอย่างไร ครูก็จะพยายามปั้นคนเหล่านั้นออกมาให้ได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่หวังผลตอบแทนอะไรเลย ขอขอบพระคุณคุณครูทุกคนจากใจครับ

ขอบผู้เล่าเรื่อง : น้องหรั่งอดีตครูอัตราจ้างที่เปี่ยมด้วยพลังและความทุ่มเท แม้เพียงระยะเวลาสั้นๆก็ตาม
ขอบคุณไฟล์ภาพจาก : www.pexels.com

ลุ๊ค@ME

ความคิดเห็น