ุ6 แนวคิดเริ่มต้นธุรกิจไม่ผิดใจกับหุ้นส่วน

6 แนวคิดเริ่มต้นธุรกิจไม่ผิดใจกับหุ้นส่วน


ต่อเนื่องจากหัวข้อที่ผ่านมาผมได้เขียนเรื่อง "ปัญหาหุ้นส่วนธุรกิจที่คุณอาจคิดไม่ถึง" ซึ่งเป็นการเล่าประสบการณ์เรื่องหุ้นส่วนธุรกิจที่มีปัญหาจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจกันไปแล้ว ในหัวข้อนี้ผมจะมาสรุปสาเหตุและแนวทางในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในเรื่องนี้กันครับ


ที่มา : www.pixels.com

โดยหลักพื้นฐานของคนเมื่อมีการทำอะไรสักอย่างก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของตนเองเป็นเรื่องธรรมดาครับยิ่งถ้าเป็นเรื่องเงินหรือการลงทุนแล้วก็ต้องใส่ใจกันมากหน่อยสรุปเลยนะครับ ปัญหาเรื่องหุ้นส่วนที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นเพราะเรื่องของผลประโยชน์ครับ เมื่อทราบต้นตอของปัญหาแล้วเรามาดูวิธีการป้องกันกันครับ

ประการแรก ถ้าสามารถทำธุรกิจด้วยตนเองได้ก็ควรจะเลือกวิธีนี้ตั้งแต่แรกเลยครับ  จากประสบการณ์ของผมสุดท้ายแล้วผมก็ต้องกลับมาทำธุรกิจเพียงคนเดียว โดยชื่อหุ้นส่วนที่อยู่ในบริษัทเป็นเพียงชื่อลอยๆ เท่านั้น อาจใช้ชื่อของคุณแม่ คุณพ่อ หรือคนอื่นๆ ที่เราไว้ใจได้เท่านั้น

ประการที่สอง ถ้าจำเป็นต้องมีหุ้นส่วนจริงๆ ผมแนะนำให้หาหุ้นส่วนที่สามารถมาช่วยกันลงมือทำได้จริงๆ ไม่ได้เป็นแค่การนำเงินมาลงทุนเท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วผู้ที่นำเงินมาลงทุนก็ต้องการเงินของตนเองคืนและมากไปกว่านั้นคือต้องการดอกเบี้ยหรือผลกำไรจากการลงทุนของตนเอง แม้จะไม่ได้มาช่วยเราทำงานเลยก็ตาม

ประการที่สาม ผู้ที่ร่วมลงทุนที่ไม่สามารถมาช่วยกันลงมือทำได้จริง ๆ ผมขอแนะนำอย่างนี้ครับว่าให้ทำ “ข้อตกลง”  การทำธุรกิจร่วมกันขึ้นมาเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งเรื่องผลประกอบการ เงินเดือน และเงินปันผลจะแบ่งกันอย่างไร ตอนไหน ตรงนี้เอาให้ชัดเจนก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจนะครับ “อย่ามองว่าทุกคนคือเพื่อน พี่ น้อง ที่พูดจากันง่ายๆ ตอนเริ่ม แต่มีปัญหากันในภายหลัง”

ประการที่สี่  การทำบัญชีรายรับ รายจ่าย บัญชีกำไร ขาดทุน หรือสรุปง่ายๆ เลยคือบัญชี ซื้อ ขาย จ่าย รับ ควรมีความชัดเจนครับ เพื่อเป็นสิ่งยืนยันว่าการดำเนินธุรกิจของเรามีความโปร่งใส ไม่มีสิ่งแอบแฝงเพื่อให้หุ้นส่วนมั่นใจว่าเราไม่ได้โกงเค้าครับ และที่สำคัญคือเมื่อมีปัญหากันจะได้ไม่มีใครนำมาเป็นข้ออ้างต่างๆ  นาๆ เรื่องผลประโยชน์ครับ

ประการที่ห้า เรื่องผลประกอบการ สำหรับผมแล้วไม่ได้เป็นเพียงแค่ผลกำไรเท่านั้นนะครับ การเติบโตของกิจการขึ้นอยู่กับทรัพย์สินที่ได้ซื้อมาและผลกำไร ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นการซื้อทรัพย์สินเข้ามาใช้ในสำนักงาน หรือมีพนักงานเพิ่มเข้ามาหนึ่งคนนี่ถือว่ากิจการของเราเริ่มมีการเติบโตแล้วครับ อย่ามองเพียงผลกำไรอย่างเดียว สิ่งนี้ต้องทำความเข้าใจกับหุ้นส่วนของเราด้วย

ประการสุดท้าย ช่วงแรกที่ดำเนินธุรกิจนั้นสิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือ “ความอยู่รอด” ไม่ใช่ผลกำไรครับ ทุกคนที่มาร่วมลงทุนมักมองไปที่เป้าหมายคือ “ผลกำไร” ไม่เคยใส่ใจว่าระหว่างดำเนินงานนั้นมีปัญหาอุปสรรคอย่างไรใช้เงินในการดำเนินงานเท่าไร จึงทำให้เกิดปัญหาทั้งหมดที่ผมได้กล่าวมาข้างต้นครับ ยิ่งถ้าหากเป็นหุ้นส่วนที่นำเงินมาลงทุนอย่างเดียวไม่ได้คลุกคลี ไม่ได้รู้ปัญหา อุปสรรคในการดำเนินงาน กลุ่มนี้จะเป็นปัญหามากที่สุดครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ เมื่อทราบอย่างนี้แล้วก็อย่าลืมนะครับว่าถ้าเป็นไปได้ทำคนเดียวไปเลยจะดีที่สุดหรือถ้าต้องการหุ้นส่วนจริงๆ ก็นำเอาแนวคิดที่ผมให้ไว้ไปศึกษาหาวิธีการป้องกันเอาไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง เพราะไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องของมิตรภาพและความรู้สึกที่เสียไปซึ่งเอากลับคืนมาได้ยากครับ ในหัวข้อต่อไปผมจะมาแนะนำเรื่อง “ไม่มีเงินทุนจะทำธุรกิจได้อย่างไร” รอติดตามกันนะครับ


ลุ๊ค@ME

ความคิดเห็น