ก่อน 13 ตุลา 59 ท้องฟ้าที่เคยสว่างจ้ากลับหมองหม่น นกน้อยบินวนบนท้องฟ้าแบบที่ไม่เคยเป็น

ท้องฟ้าที่เคยสว่างจ้ากลับหมองหม่น นกน้อยบินวนบนท้องฟ้าแบบที่ไม่เคยเป็น 

วันนี้เมื่อปีที่แล้วผมยังจำเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ดี เป็นวันที่เต็มไปด้วยข่าวสารมากมายกระจายกันอยู่ในโลกออนไลน์ที่ถูกแชร์ต่อกันไปเรื่อยๆ ผมยอมรับว่าอ่านข่าวแบบนี้แล้วพลันให้นึกถึงคนที่แชร์กันมาว่า “คิดว่าเหมาะสมแล้วหรือที่ปล่อยข่าวนี้ออกมา” ก็เพราะว่าเป็นข่าวที่เกี่ยวกับพ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ ของพวกเราโดยตรง ผมคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดจะเชื่อข่าวไร้สาระที่ถูกปล่อยออกมาจากคนไร้จิตใต้สำนึกไม่กี่คน จริงๆ แล้วไม่คิดที่จะอ่านด้วยซ้ำ แต่ก็มีผ่านตาให้เห็นเพราะแชร์กันเยอะเหลือเกิน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนวันที่ 13 ตุลาคม 59 ประมาณสองหรือสามวันถ้าผมจำไม่ผิด เราทุกคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือเรื่องจริง หรือเป็นเพียงการปล่อยข่าว แต่สิ่งที่ผมสัมผัสได้ด้วยตัวผมเองก็คือ “ทำไมถึงรู้สึกเสียใจมากมายขนาดนี้” เพียงแค่นึกในใจไม่ใช่เรื่องจริง “น้ำตายังไหลออกมาไม่รู้ตัว” ณ ขณะนั้นทุกอย่างล้วนเป็นใจ มองไปทางไหนมีแต่ความเศร้าหมอง ท้องฟ้าที่เคยสว่างจ้ากลับหมองหม่น นกน้อยบินวนบนท้องฟ้าแบบที่ไม่เคยเป็น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นราวกับว่า เทวดาบนฟ้าอยากบอกอะไรบางอย่างกับเราที่เป็นมนุษย์ ปุถุชนคนธรรมดาให้หยั่งรู้เรื่องราวล่วงหน้าว่า ให้เตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

ขอบคุณภาพจาก : www.pexels.com

ไม่ว่าข่าวนี้จะเป็นความจริงหรือไม่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เราคงทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งแรงใจภาวนาและสวดมนต์ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงอยู่เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยต่อไป ไม่ว่าในจิตใจของพวกเราจะย่ำแย่แค่ไหน แม้เราต้องส่งใจสวดมนต์ทั้งน้ำตา แม้เราต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ถ้าสามารถทำให้พระองค์ท่านแข็งแรงเหมือนเดิมได้ ณ เวลานั้นผมเชื่อว่าพี่น้องคนไทยทุกคนก็สามารถทำเพื่อพระองค์ท่านได้ เพราะสิ่งที่พระองค์ท่านทำเพื่อพวกเรานั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน

ขอบคุณภาพข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์

วันเวลาย่างเข้า 13 ตุลา วันที่ฟ้าดับมืด ทุกอย่างเงียบสงบไปหมดจนรู้สึกวังเวง เย็นยะเยือก หัวใจรู้สึกหวิวๆ ตอกย้ำความแน่ชัดของข่าวลือว่านี่คือเรื่องจริง เมื่อสำนักพระราชวังเตรียมออกแถลงการณ์ เพียงแค่เห็นภาพขึ้นหน้าจอทีวี “ทรงเสด็จสวรรคต” เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้รับรู้ได้ว่า พ่อจากเราไปแล้ว ความเศร้าโศกเสียใจกระจายตัวไปทั่วผืนแผ่นดินไทย เสียงร้องไห้ระงม งึมงำดังออกมาจากบ้านใกล้ เรือนเคียง ยิ่งทำให้รู้สึกเสียใจน้ำตาไหลออกมา เป็นช่วงเวลาที่สุดแสนจะทรมานและผ่านไปอย่างช้าๆ ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าพระองค์ท่านไม่ต้องเหนื่อยกับพวกเราอีกต่อไปแล้ว

เวลาล่วงเลยมาเกือบปีเต็มที่พระองค์ท่านจากเราไป ไม่มีวันไหนที่เราไม่คิดถึงพระองค์ ผู้ทรงเปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตา กรุณาที่มีให้พวกเราทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน สิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำเพื่อพระองค์ท่านได้ และทำได้ไม่ยากเลยก็คือ “การทำความดี” รวมไปถึงการสานต่อพระราชปณิธานของพระองค์ท่านที่มีความปรารถนาให้คนไทยมี “ความรัก ความสามัคคี ปรองดอง ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน” เพียงเท่านี้พระองค์ท่านที่มองเราอยู่บนฟ้า คงมีความสุข ที่เห็นลูกๆ ไม่ทะเลาะกัน

ลุ๊ค@ME

ความคิดเห็น