เสียงจากปลายสาย ช่างโหดร้ายเหลือเกิน

บริการแย่มาก จากพนักงานประกันสังคม


เช้าวันจันทร์ซึ่งเป็นวันทำงานตามปกติของใครหลายคนรวมถึงตัวเราเอง ในระหว่างที่ใครบางคนอาจกำลังเดินทางบนถนนที่แสนจะวุ่นวายและรถติดอย่างมากมายในเมืองใหญ่ ส่วนตัวเราเองเดินทางมาถึงออฟฟิศในช่วงเวลาประมาณแปดโมงครึ่งยังไม่ทันได้นั่งเก้าอี้ทำงาน ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากเพื่อนร่วมงาน พูดด้วยน้ำเสียงสั่นจากความเจ็บปวดว่าเกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้ม ให้ช่วยถามเรื่องสิทธิการรักษาให้ทีว่าใช้ได้หรือยัง ด้วยความเป็นห่วงเราจึงรีบวางสายและโทรไปยังสำนักงานประกันสังคมทันที

เมื่อเจ้าหน้าที่รับสาย  เราจึงได้แจ้งไปว่า “ต้องการสอบถามเรื่องสิทธิของพนักงานค่ะ” ปลายสายจึงสอบถามเรากลับมาว่า “สิทธิอะไรค่ะ” ด้วยเสียงที่แข็งกระด้างไม่น่าฟังเท่าไรนัก นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นคุยเท่านั้นแต่ก็ทำให้รู้สึกได้ว่ามันไม่น่าฟังเอาซะเลย แต่ด้วยความเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี จึงได้ตอบคำถามกลับไป “พนักงานเกิดอุบัติเหตุค่ะ อยากทราบว่าเค้าใช้สิทธิการรักษาโรงพยาบาลอะไร” เราพูดกับเค้าดีมากเนื่องจากงานที่เราทำต้องติดต่อกับคนอยู่ตลอดเวลา คงด้วยความไม่แน่ใจเจ้าหน้าที่ปลายสายจึงถามข้อมูลเราเพิ่ม “อุบัติเหตุอะไร อุบัติเหตุจากการทำงานหรอ” น้ำเสียงที่ได้ฟัง แข็งกระด้างมาก ไม่มีหางเสียง ออกแนวข่ม เหมือนหงุดหงิดอะไรมาสักอย่าง นี่ขนาดเป็นเวลาในช่วงเช้านะเนี่ย ถ้าหากเป็นช่วงบ่ายหรือก่อนเลิกงาน เราคิดว่าอารมณ์เค้าคงจะปรี๊ดยิ่งกว่านี้แน่นอนเพราะทำงานมาทั้งวัน

จากประกันสังคม
ขอบคุณภาพจาก : www.pexels.com

ในขณะที่เราตอบคำถามเค้ากลับไปว่า “อุบัติเหตุรถชนค่ะ” ปลายสายกลับถามคำถามสวนกลับมาทันทีว่า “คุณเป็นใคร” ซึ่งคำถามนี้เราคิดว่าไม่น่าจะเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการ แต่เรากลับได้ยินมาเต็มสองรูหู  บวกกับน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง ไม่มีหางเสียงด้วยแล้วทำให้เรารู้สึกแย่มากเริ่มไม่อยากคุยด้วย แต่ก็ยังต้องทนคุยต่อเพราะเพื่อนรอเราอยู่ จึงฝืนใจตอบกลับไปว่า “เป็นนายจ้างค่ะ” หลังจากนั้นก็เกิดคำถามจากปลายสายตามมาอีกเยอะแยะมากมาย บลา บลา บลา จนเราตั้งสติได้จึงกลั้นใจถามกลับไปซะเลยว่า 

พี่ค่ะ แค่โทรมาถามว่าพนักงานใช้สิทธิรักษาโรงพยาบาลอะไร ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วยคะ ถามดีๆทำไมต้องหงุดหงิด” เค้าก็ยืนยันว่าเค้าไม่ได้หงุดหงิด ไม่ได้อารมณ์เสีย แต่ผิดจากที่เราได้ยินซึ่งรู้สึกได้ชัดเจนว่าเค้าหงุดหงิดมาก ใส่อารมณ์กับทุกคำถามของเรา เหมือนไม่อยากจะตอบ ไม่อยากค้นข้อมูลให้ ก่อนได้รับคำตอบเรื่องโรงพยาบาลเรายังถูกกล่าวหาอีกว่าไม่ได้จ่ายเงินสมทบให้กับพนักงาน เราจึงแจ้งกลับไปว่าเรามีใบเสร็จนะ เค้าก็ยังเสียงแข็งกลับมาใส่เราอีกว่า “ไปจ่ายที่ไหนมาล่ะ” พยายามกดอารมณ์และตอบกลับไปอีกที “ก็คุณเป็นคนบอกให้เราไปจ่ายที่ธนาคาร ใบเสร็จก็อยู่ในมือ แล้วจะมาหาว่าไม่จ่ายได้ยังไง”

เค้าจึงยอมตรวจสอบข้อมูลให้อีกครั้งและพบว่าระบบของประกันสังคมไม่ตัดยอดเงินเข้าไปเอง เราจึงได้แต่แอบนึกในใจว่า “ระบบของตัวเองไม่ดี แล้วยังจะมาโทษคนอื่น มาใส่อารมณ์กับคนอื่น” เชื่อมั้ยค่ะว่า กว่าจะได้คำตอบเรื่องโรงพยาบาล เหนื่อยมาก ว่าจะไปถามคำถามเขาเพื่อหาคำตอบ กลับโดนตั้งคำถามมากมายกลับมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกกับการติดต่อกับหน่วยงานนี้แล้วได้รับบริการแย่ๆ และบ่อยครั้งที่คนติดต่อเป็นตาสี ตาสา บางคนไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย เข้าไปติดต่อกลับเจอแต่คำถาม ตัวเจ้าหน้าที่เองไม่ได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนตาดำๆ เลย นี่สมควรแล้วหรือที่จะเรียกตัวเองว่า “ข้าราชการ”  ถ้าเป็นลูกน้องเราคุยกับลูกค้าแบบนี้รับประกันได้เลยว่าถูกไล่ออกแน่


ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทุกคนจะเป็นเหมือนกันหมดนะคะ สำนักงานประกันสังคมที่เราติดต่ออยู่อีกที่คือเขตแถวๆ  บางนา  บริการดีมากทั้งๆ ที่เราไม่ได้อยู่เขตเดียวกับเค้า ๆ กลับให้ความใส่ใจ ติดตามงาน ช่วยเหลือเรามาโดยตลอด เราก็แอบให้พี่แมสเอาขนมไปฝากอยู่บ่อยๆ ไม่ได้ติดสินบนนะ แต่เพื่อเป็นกำลังใจให้เค้า แต่เขตตัวเองนี่สิ อ่อนใจจริงๆ โทรไปทีไร เป็นแบบนี้ทุกทีเลย บ่นซะยาวเลยขอจบเท่านี้ก่อนเอาไว้จะมาเล่าสาระดีๆ ให้ฟังใหม่นะคะ ขอบคุณที่อ่านเรื่องราวจนจบ สวัสดีค่ะ

ลุ๊ค@ME

ความคิดเห็น